9 สุดยอดที่เที่ยวในโออิตะ
โออิตะ-Oita 大分 จังหวัดเล็กๆในภูมิภาคคิวชู มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย และที่รู้จักกันดีอย่าง เบปปุ (Beppu) และ ยูฟุอิน (Yufuin) และยังมีที่เที่ยวน่าสนใจที่ไม่ควรพลาดอีกรออยู่ ตอนท้ายมีแถมสถานที่เที่ยวที่ นอกจากจะถูกใจผู้ใหญ่แล้ว เด็กๆยังสนุก ตื่นเต้นไปด้วยแน่นอน อย่ารอช้า ไปสำรวจโออิตะกันเลยค่ะ1. ยูฟุอิน – Yufuin | 湯布院
Yufuin เป็นเมืองแห่งออนเซน เมืองเล็กๆน่ารักในชนบทรายล้อมด้วยภูเขา จะเห็นภูเขายูฟุดาเคะ (Mt. Yufu-dake) ภูเขาไฟที่ดับแล้วตั้งตระหง่านอยู่ สองฝั่งถนนเต็มไปด้วย ร้านขายของแฮนด์เมด ร้านอาหาร คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทุกปี ที่เที่ยวแนะนำของยูฟุอินคือ Yufuin floral village และ ทะเลสาบ Kinrin lake ค่ะ
สนใจสั่งซื้อบัตร All Japan JR Pass ได้ที่นี่
Yufuin floral village- หมู่บ้านสไตล์ยุโรปสุดคิวท์แห่งยูฟุอิน
หมู่บ้านจำลองไสตล์ยุโรป ได้กลิ่นอายยุโรปโบราณ มีลักษณะเป็นบ้านอิฐแสนคลาสสิค ตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิด ล้อมรอบด้วยภูเขา มีร้านค้า ขายของที่ระลึกแฮนด์เมด ร้านอาหารแมว นกฮูก และร้านอาหารบรรยากาศเก๋ๆ รวมถึงร้านเฉพาะสำหรับสาวกแฮร์รี่พอตเตอร์อีกด้วยนะคะ เพียงได้เดินเล่นในหมู่บ้านท่ามกลางธรรมชาติและดงดอกไม้ก็มีความสุขแล้วค่ะ หมู่บ้านแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2012 โดยนักธุรกิจในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้หมู่บ้านฟลอรัลยูฟุอินได้เป็แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของคิวชู เรียบร้อยแล้วค่ะ


Photo from https://drivejapan.co.jp/media/spot/areas/kyushu/spots/yufuin-floral-village
Photo from https://www.flickr.com/photos/gotovan/47977279457/in/photostream/
Photo from https://drivejapan.co.jp/media/spot/areas/kyushu/spots/lake-kinrin
2. เบปปุ – Beppu | 別府
เมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อน และ ขุนเขา เบบปุเป็นเมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็นมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีมากถึง 2,000 จุดเลยทีเดียว เบปปุเป็นเขตที่เชื่อมจากริมทะเลขึ้นไปบนหุบเขา ที่มีบ้านเรือนอยู่ ซึ่งจะเห็นไอน้ำพวยพุ่งจากบ้านหรือสถานที่ให้บริการออนเซ็น ได้บรรยากาศสวยแปลกตาอีกแบบ และได้กลิ่นไข่ต้มฟุ้งไปทั่ว ว่ากันว่า น้ำแร่ออนเซ็นที่ดีคือออนเซ็นที่มีกลิ่นไข่ต้มนั่นเองค่ะ
จิโกกุ เมกุริ (บ่อนรกทั้ง 8) (別府地獄めぐり)
เป็นบ่อน้ำพุร้อน 8 จุดกระจายไปทั่วเขตคันนาวะ(Kannawa) และเขตชิบาเซกิ (Shibaseki) ในเมืองเบบปุ ซึ่งน้ำพุร้อนแต่ละบ่อนั้นสามารถเดินถึงกันได้หมด ในแต่ละบ่อน้ำแร่จะมีเอกลักษณ์ต่างกันออกไป เช่น Umi Jigoku จะมีสีฟ้าน้ำทะเลและมีบริเวณสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ต้มไข่ออนเซ็น และยังมีจุดแช่เท้าในน้ำแร่บรรเทาความเหนื่อยล้าด้วย สำหรับ Oniishibozu Jigoku จะเป็นบ่อโคลน ส่ว Shiraike Jigoku จะเป็นบ่อสีฟ้าน้ำนมมีไอพวยพุ่งตลอดเวลา และบางบ่อมีสีแดง เนื่องจากอุดมด้วยธาตุเหล็กและแมกนีเซียมสูงค่ะ
Photo from https://travel.gaijinpot.com/hells-of-beppu/

ทาเคกาวาระออนเซ็น (Takegawara Onsen- 竹瓦温泉)
ทาเคกาวาระออนเซ็น เป็นออนเซ็นสาธารณะที่มีความเก่าแก่กว่า 100 ปี พบครั้งแรกเมื่อปี 1879 ด้วยสถาปัตยกรรมยุคเมจิ และหลังคาทำมาจากไม้ไผ่ (Take) โครงสร้างทั้งหมดที่ทำมาจากไม้ ยิ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และสงบเมื่อได้มาอาบน้ำแร่ ณ ที่แห่งนี้ โดยมีให้บริการห้องโถงพักผ่อนกว้างขวาง ห้องอาบน้ำแร่ออนเซ็น รวมทั้ง สปาทรายร้อนยอดฮิต ซึ่งจะช่วยคลายความเมื่อยล้า ลดอาการปวดข้อ กล้ามเนื้อ และบำรุงผิวพรรณอีกด้วยค่ะ
3. สวนดอกไม้คุจู (Kuju Flower park-くじゅう花公園)
ตั้งอยู่ในที่ราบสูงคุจู เชิงเขา Kuju Mount. อยู่ในเขต Taketa เมืองแห่งสายน้ำและขุนเขาของโออิตะ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ประกอบด้วยพืชพรรณกว่า 500 ชนิด บนพื้นที่ 49 เอเคอร์(ประมาณ 198,296 ตารางเมตร) สายพันธ์ุที่โดดเด่นได้แก่ ดอกลาเวนเดอร์ พิงค์มอส ดอกทานตะวัน ดอกป็อปปี้ ทิวลิป รวมทั้งบลูเบอร์รี่ เหล่าดอกไม้ที่ผลัดเปลี่ยนกันออกดอกอันสวยงามตลอดเกือบทั้งปี ยกเว้นเฉพาะช่วงฤดูหนาว ในช่วงอากาศแจ่มใสนักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมหมู่มวลดอกไม้ โดยมีภูเขาคุจู ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังให้ถ่ายรูป ในบริเวณสวนยังมีร้านค้า ร้านอาหารพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วยค่ะ
photo from https:/zekkeijapan.com/spot/index/1152/
4. น้ำตกฮะระจิริ (原尻の滝)
น้ำตกฮะระจิริ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีลักษณะโค้งรูปเกือกม้า มีความสูง 20 เมตร กว้าง 120 เมตร ตั้งอยู่ที่แม่น้ำโอกาตะ เป็นน้ำตกธรรมชาติเกิดจากการไหลของลาวาราว 90,000 ปีก่อน ได้รับรับเลือกเป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม 1 ใน100 ของญี่ปุ่น และได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกไนแองการ่าแห่งเอเชียทีเดียว ก่อนเข้าถึงน้ำตกยังมีสะพานแขวนให้นักท่องเที่ยวเดินข้ามเก็บภาพระยะไกลของน้ำตกฮะระจิริ และ บริเวณใกล้เคียงยังมี Farmer market ร้านขายของท้องถิ่น หากเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ น้ำตกแห่งนี้ยังรายล้อมไปด้วยสีสันของดอกทิวลิปกว่า 500,000 ต้นอีกด้วยค่ะ
Photo from https:/en.japantravel.com/oita/harajiri-falls/49100
5. ถํ้าใต้นํ้าอินะสุมิ (稲積水中鍾乳洞)
ถ้ำใต้น้ำอินะสุมิก่อตัวขึ้นเมื่อ 300 ล้านปีก่อนและจมอยู่ใต้น้ำจากการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟอะโสะ ซึ่งถือเป็นถ้ำหินย้อยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นถ้ำหายากในระดับโลกอีกด้วย ภายในถ้ำหินปูนใต้น้ำมีอะไรให้ชมมากมาย ทั้งหินงอกหินย้อยใต้น้ำ หินปะการัง ประติมากรรมรูประฆังบนเพดาน โดยมีแอ่งน้ำลึกกว่า 40 เมตร และยังมีรูปปั้นพระแม่กวนอิมขนาดใหญ่อยู่บริเวณถ้ำให้สักการะอีกด้วย อุณหภูมิภายในถ้ำจะอยู่ที่ประมาณ 16 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี ทำให้นักท่องเที่ยวแนวธรรมชาติไปเยี่ยมชมได้ทั้งปี เย็นสบายในฤดูร้อน และอบอุ่นในฤดูหนาว มีทั้งโรงแรม ร้านอาหารให้บริการโดยรอบ ถือว่าผู้รักการผจญภัยน่าจะได้มาลองสักครั้งค่ะ
Photo from https:/japandeluxetours.com/destinations/oita-inazumi-underwater-stalactite-cave
6. ศาลเจ้าอุสะ (宇佐神宮)
ศาลเจ้าอุสะถูกสร้างขึ้นใน ศตวรรษที่ 8 เป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้านับพันแห่งทั่วญี่ปุ่น ที่อุทิศให้กับฮาจิมัง เทพเจ้าแห่งการยิงธนูและสงคราม ซึ่งเชื่อมโยงกับจักรพรรดิโอจินซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 15 ในตำนานของญี่ปุ่นด้วย ห้องโถงใหญ่ของศาลเจ้าจัดเป็นสมบัติของชาติ และเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมศาลเจ้าสไตล์ “ฮาจิมัง สุคุริ” ภายในศาลเจ้ามีหลายส่วน สระน้ำสองแห่ง และอาหารศาลเจ้าเสริมอีกหลายหลัง สะพานคุเรฮาชิโรงละครใน โดยห้องโถงเก็บสมบัติซึ่งจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรม รวมถึงเครื่องตีสำหรับพิธีการตรงนกยูงซึ่งจัดเป็นสมบัติของชาติ ศาลเจ้าแห่งนี้รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิดที่มีมาแต่โบราณ และบริเวณทางเข้าเป็นถนนกว้างประมาณ 100 เมตรยังมีร้านค้าสินค้าพื้นเมองและของที่ระลึกเรียงรายสองข้างทางอีกด้วยค่ะ

7. สะพานแขวนโคโคโนเอะ ยูเมะ (九重夢大吊橋)
สะพานแขวนโคโคโนเอะ ยูเมะ จัดเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดของญี่ปุ่นสำหรับให้นักท่องเที่ยงเดินชมวิวภูเขาธรรมชาติ 360 องศา โดดเด่นด้วยความสูงถึง 777 เมตรจากระดับน้ำทะเล ความยาว 390 เมตร สะพานสูง 173 เมตร ซึ่งจากสะพานแขวนสามารถมองเห็นน้ำตกเมดากิ (Medaki) เทือกเขาเรียงราย และผืนป่า ทำให้สะพานแขวนแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมหาศาลตลอดทั้งปี ซึ่งจะได้ชมวิว สีสันพันธ์ไม้ต่างกันไปในแต่ละฤดู ยิ่งถ้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสี วิวโดยรอบสวยอย่าบอกใครเชียวค่ะ

8. มะเมะดะมาจิ (Mameda Machi)
มะเมะดะมาจิหรือ ลิตเติ้ลเกียวโต (Little Kyoto) ถนนอันเก่าแก่แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองฮิตะ (Hita city) ซึ่งเมืองฮิตะเป็นเมืองการค้าที่เก่าแก่ของจังหวัดโออิตะ โดยเคยเป็นเมืองรอบปราสาทมาก่อน สองข้างทางถนนเต็มไปด้วย ร้านค้า บ้านเรือนที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ ความโบราณเก่าแก่ของยุคสมัยนั้นเป็นอย่างดี แค่ได้เดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ก็จะพบร้านแปลกตา อย่างร้านจำหน่ายซอสโชยุ ที่คงรสชาดสมัยเก่า หรือพิพิธภัณฑ์ รวมทั้งร้านของสะสม ท้องถิ่นอีกด้วยค่ะ
Cr. gltjp.com
9. คิวชู แอฟริกัน ซาฟารี ปาร์ค (Kyushu Natural Animal Park African Safari)
สถานที่เที่ยวคราวนี้เอาใจเด็กๆกันบ้างนะคะ แอฟริกัน ซาฟารี ปาร์ค แห่งนี้เป็น 1 ในซาฟารีปาร์คที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีสัตว์ป่าสายพันธุ์ต่างๆกว่า 70 ชนิด รวมกว่า 1,400 ตัว ซึ่งความพิเศษของที่นี่คือ คุณจะได้นั่งรถซาฟารีไปให้อาหารสัตว์ป่าในระยะประชิดกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น สิงโต ช้าง กวาง หมี อูฐ นอกจากนี้ยังมี ไบซัน เสือชีตาร์ ไฮยีน่า และสัตว์ป่าชนิดอื่นให้ได้ถ่ายภาพท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้าง ฉากหลังเป็นวิวภูเขาสุดสายตา นอกจากนี้ยังมีบริเวณให้อาหารสัตว์เล็ก เช่น กระต่าย ลิง ขี่ม้าโพนี่ เป็นต้น และยังมีบริเวณบริการอาหารเครื่องดื่ม เช่น ไก่ทอดคาราเกะโออิตะชื่อดังอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ทั้งตื่นเต้น สนุก เพลิดเพลินทั้งเด็กและผู้ใหญ่แน่นอนค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ โออิตะ มีสถานที่เที่ยวน่าสนใจมากมายอย่างนี้ คราวหน้ามาเที่ยวญี่ปุ่น ลองแวะมาจังหวัดเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติอย่างโออิตะนะคะ